สังเกตง่ายๆค่ะ หากขับรถมาจาก ถ.หลานหลวง แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานผ่านฟ้า ก็จะพบกับวัดราชนัดดารามและลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถัดมาอีกหน่อย ก็จะพบกับป้ายขนาดใหญ่ในหมู่อาคาร ที่เขียนว่า "นิทรรศน์รัตนโกสินทร์"
ที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์แห่งนี้ เขามีสโลแกนว่า Experience the best of Rattanakosin in a day หรือแปลเป็นไทยว่า "คุณค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ในหนึ่งวัน" ซึ่งก็ลบภาพพิพิธภัณฑ์แบบเดิมๆออกไปอย่างสิ้นเชิง คือ อลังการงานสร้างมากๆ ทั้งแสงสีเสียง มีเอฟเฟ็กค์แบบ 4 มิติ ตื่นตาตื่นใจให้ได้ชมกัน
โดยภายในนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้จัดแสดงทั้งหมด 9 ห้อง ภายใต้ concept ของคำว่า "นพรัตน์" หรือ "อัญมณีอันมีค่าทั้ง 9 ประเภท" โดยเปรียบนิทรรศการที่จัดแสดงในแต่ละห้องเป็นอัญมณีประเภทต่างๆ และการเข้าชมก็แบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง คือเส้นทางที่ 1 คือ "ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์" จะมีห้องย่อยๆทั้งหมด 7 ห้อง ห้องแรกที่พี่เจ้าหน้าที่พามาชมเป็นออร์เดิร์ฟ คือ ห้องดื่มด่ำย่านชุมชน
ในห้องนี้จะเป็นห้องที่รวบรวมแหล่งชุมชนเก่าแก่ในกรุงเทพมหานครให้ได้ชมกัน เช่น จะได้มารู้กันว่าที่เรียกว่า บ้านดินสอ นั้นไม่ใช่ย่านขายเครื่องเขียนแบบ B2S สมัยนี้ แต่เป็นย่านที่ทำ "ดินสอพอง" ขายกัน หรืออย่างบ้านดอกไม้ ใครที่นึกไปถึงตลาดดอกไม้สวย ๆ แบบเดียวกับที่ปากคลองตลาด ก็ต้องบอกว่าย่านนี้เขาขาย "ดอกไม้ไฟ" กันต่างหาก
ห้องต่อมาจะเป็น "ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์" ในห้องนี้จะเป็นการกล่าวถึงประการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ และการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีของพระบาทสมเด็จพระพุธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 (ในห้องนี้พี่พนักงานไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปหรือสัมผัสผนัง เพื่อความปลอดภัยค่ะ) และห้องต่อมาคือ ห้องเกียรติยศแผ่นดินสยาม ในห้องนี้ได้จำลองบริเวณวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังทั้งหมดมาให้ได้รับชม แม้แต่พื้นที่เดินอยู่ในห้องนั้นก็จำลองเหมือนกับพื้นในพระบรมมหาราชวังด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการเล่าประวัติของ "พระแก้วมรกต" ก่อนที่จะมาประดิษฐานที่วัดพระแก้วว่า เคยไปอยู่ที่เชียงใหม่ และ ลำปางมาก่อน แล้วยังโชว์องค์พระแก้วมรกตจำลองในเครื่องทรงแต่ละฤดู ที่จะหมุนเวียนขึ้นมาให้ชมครบทั้ง 3 ฤดู
ปกติไปชมพระบรมมหาราชวังในสถานที่จริง จะเข้าชมได้เฉพาะส่วนของชั้นนอกกับชั้นกลางเท่านั้นนะคะ แต่ที่นี่เขาเปิดโอกาสให้ได้เข้าไปยลโฉมบรรยากาศในเขตชั้นในเขตพระราชฐานกัน ด้วยการจำลอง ประตูสนามราชกิจ มาให้เราได้ลองลอดผ่านเข้าไป อ้อ.. ระวังธรณีประตูกันด้วย ชาววังเขาถือว่าตามธรณีประตูวังมีเทวดาสถิตย์อยู่ เพราะงั้นระวังอย่าเหยียบเข้าเชียว
พอลอดประตูสนามราชกิจเข้ามา ก้จะพบกับ "โขลน" ซึ่งก็คือ ตำรวจหญิงแห่งวังหลวง โดยผู้ที่ทำหน้าที่โขลนนี้ จะเป็นผู้หญิงล้วน เนื่องจากว่าในเขตพระราชฐานไม่ให้ผู้ชายเข้าไป ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในวังไม่ให้มีการทะเลาะวิวาทกันในเขตพระราชฐาน
นอกจาก โขลน ที่จะทำหน้าที่เป็นตำรวจวังแล้ว ยังมีอีกหน้าที่หนึ่งก็คือ อำนวยความสะดวกในเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน เช่น ร้องห้ามให้คนหยุด เป็นสัญญาณว่ามีการเสด็จพระราชดำเนินผ่านที่นั่น ผู้คนทั้งปวงต้องหลบหลีกเปิดเส้นทางให้พร้อมกับหมอบลง หรือทำหน้าที่ ปิด-เปิด ประตูให้เจ้านายเสด็จผ่าน
เมื่อเข้ามาในเขตพระราชฐานแล้ว ก็จะพบกันสาวชาววัง กำลังนั่งเย็บผ้า และแกะสลัก ตามประสาชาววังกัน มาสัมผัสวิถีชาววังกันดีกว่า
สมัยโบราณเขาจะนิยมส่งลูกหลานผู้หญิงเข้าไปถวายตัวรับใช้เจ้านายผู้หญิงในวัง เพราะจะได้รับการอบรมสั่งสอนกิริยามารยาทและงานฝีมืออย่างชาววัง จะว่าไปก็เหมือนได้ส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนประจำ เพราะในยุคนั้นยังไม่มีโรงเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งโรงเรียนสำหรับผู้หญิงแล้วก็เพิ่งจะมามีในสมัยรัชกาลที่ 5 นี่เอง
ออกจากรั้ววังมาแล้ว ก็มาเพลิดเพลินกับมหรสพพื้นบ้านของไทยกันนะคะ ที่ ห้องเรืองนามมหรสพสพศิลป์ เริ่มด้วยกันการฉายการละเล่นสารพัดรูปแผ่นผ่านจอมุมกว้าง 360 องศา ในห้องนี้จะเป็นการกล่าวถึงนาฏศิลป์ของไทยในแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรำ ระบำ การแสดงหุ่นกระบอกไทยหรือละคร ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ศิลปะประจำชาติไทยอย่าง โขน
ในเกาะรัตนโกสินทร์นอกจากวัดวังที่น่าสนใจแล้ว ยังมีย่านชุมชนเก่าแก่หลายต่อหลายแห่ง ที่แน่นอนว่าจะต้องมีที่เที่ยวแหล่งกินของแต่ละย่าน เดี๋ยวเดินผ่านหน้าเรือนแถวเก่าแก่ที่ถูกจำลองขึ้น แล้วเข้าไปชมกันได้ที่ห้อง เยี่ยมยลถิ่นกรุง ว่ามีที่เที่ยวที่กินที่ไหนบ้างให้ไปต่อหลังจากชมที่นี่เสร็จ ก่อนอื่นเรามาแวะถ่ายรูปที่ "ฉายาราชดำเนิน" ซึ่งจะมีตากล้องสาวสวยคอยกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้เราอยู่นะคะ
รูปที่เราถ่ายไว้ จะนำไปทำอะไรหรือคะ โปรดดูรูปข้างล่างได้ค่ะ
หลังจากชื่นชมรูปของตัวเองเสร็จ เราก็จะขึ้นไปชมภูมิทัศน์ในแบบ sky view ที่ชั้น 4 กันนะคะ เราจะได้เห็นวัดราชนัดดรามในภาพมุมสูง เห็นภูเขาทองวัดสระเกศ และเห็นสภาพการจราจรบนถนนราชดำเนินด้วย นอกจากนี้ยังมี coffe shop ให้เราได้นั่งดื่มกาแฟและยังมีขนมและไอศกรีมขายอีกด้วย
พอชมวิวเสร็จ เราก็เดินลงมาที่ชั้น 2 เพื่องเข้าชมห้องลือระบิลเรือพระราชพิธี เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญต่างๆ นอกจากยังมีการจัดแสดงในส่วนของพระราชพิธี 12 เดือน และการจัดแสดงในส่วนของ "ข้าว" เกี่ยวกับพิธีแรกนาขวัญด้วย
ห้องถัดมาจะเป็น ห้องสง่าศรีสถาปัตยกรรม มีจะจัดแสดงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของวัง โดยในสมัยรัชกาลที่ 1-3 สถาปัตยกรรมยังคงเป็นแบบไทย เฉกเช่นกันบ้านทรงไทย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4-ปัจจุบัน สถาปัตยกรรมจะเป็นแบบยุโรป ออกแนวนีโอคลาสิก เนื่องจากว่าสมัยนั้นมีการเข้ามาของตะวันตก โดยเปลี่ยนจากการนั่งพื้นมาเป็นการนั่งบนเก้าอี้ มีโต๊ะไว้รองรับ เพื่อป้องกันการเป็นอาณานิคมของตะวันตก
วังเจ้านายในสมัยรัชกาลที่ 1-3 ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
วังเจ้านายในสมัยรัชกาลที่ 4-ปัจจุบัน
ภาพวาดเส้นสถาปัตยกรรม
พอเดินมาถึงบริเวณนี้ เหมือนกับว่าเราเข้ามาในบรืเวณวัด ซึ่งก็จำลองเป็นบรรยากาศภายในวัดจริงๆ มีการจัดแสดงส่วนของวัดต่างๆที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ไล่มาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงปัจจุบัน
เด็กชายในสมัยก่อน นิยมบวชเรียนเขียนอ่านกับพระอาจารย์ที่วัด
วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ที่กินข้าวแบบหร้อมหน้าพร้อมตา
แล้วก็ปิดท้ายการชมบ้านเรือนไทยในสมัยก่อนนะคะ เส้นทางที่ 1 ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ...
โปรดติดตามชม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เส้นทางที่ 2 ได้ในบทความต่อไปนะคะ สวัสดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น